วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

แมวไทย 24 ชนิด

แมวสายพันธุ์ไทยแท้แบ่งได้สองจำพวกด้วยกันคือ ที่เลี้ยงแล้วให้ลาศผลแก่ผู้เลี้ยง  และที่เลี้ยงไว้แต่จะนำสิ่งไม่ดีเข้ามาในบ้าน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยจะแมวที่เลี้ยงแล้วมีคุณแก่บ้านมีทั้งหมด 17 ชนิด  ได้แก่

1.วิเชียนมาศ

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิเชียรมาศ 



ภาพแมววิเชียรมาศจากสมุดข่อยโบราณ 



ปากบนหางสี่เท้า                        โสตสอง
แปดแห่งดำดุจปอง                   กล่าวไว้
ศรีเนตรดั่งเรือนรอง            นาคสวาดิ  ไว้เอย
นามวิเชียรมาศไซร้              สอดพื้นขนขาว



                แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น
แมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็น 9 แห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้
                แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 แมวไทย 17ชนิดในพระราชวังของกรุงศรีอยุธา ได้ถูกพวกพม่า และเชลย ได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดนึงเนื่องจากแมวไทยในอยุธยาสามารถซื้อขายได้ถึง 1แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทธสโร ได้ไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยาร้าง แล้วไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง


     ลักษณะโดยทั่วไป

              ลักษณะที่เป็นข้อเด่น 


ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)


ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่น                                       บนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : ตามีสีฟ้า

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง                                ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

             ลักษณะที่เป็นข้อด้อย 


ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------


2.ศุภลักษณ์




ภาพแมวศุภลักษณ์จากสมุดข่อยโบราณ 


วิลาศุภลักษณ์ล้ำ                วิลาวรรณ
ศรีดังทองแดงฉัน               เพริศแพร้ว
แสงเนตรเฉกแสงพรรณ           โณภาษ
กรรษสรรพโทษแล้ว       สิ่งร้ายคืนเกษม

           แมวศุภลักษณ์ เรียกอีกชื่อว่า แมวทองแดง มีสีทองแดงหรือน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว อาจมีสีเข้มเป็นพิเศษตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาศ แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียวฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง ด้วยสีขนออก น้ำตาลเข้ม เหมือนกับสีของทองแดง มีตาสีออกเหลือง หรือ สีอำพัน หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง และบริเวณตามส่วนของร่างกาย เช่นหน้า หู ปลายขา และ หางจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆไป แมวพันธุ์ศุภลักษณ์จะมีสีสันสะดุดตาอย่างมาก และ มีความสวยงาม สมกับคำว่า "ศุภลักษณ์" ที่แปลว่าลักษณะที่ดี ว่ากันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่ได้ติดตามเจ้าของที่เป็นคนไทยซึ่งถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกที่พม่า เมื่อความนิยมได้แพร่หลายมากขึ้น ชาวต่างชาติจึงได้นำไปจดทะเบียนเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งของโลก โดยใช้ชื่อว่า
 เบอร์มีส(Burmese) แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทย
          แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสรเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร
          ปัจจุบัน ในเมืองไทยหายากมากแต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งได้มีการพัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ สีอื่น ๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวโบราณที่บุคคลชั้นสูงมักจะเลี้ยงกัน เพราะเป็นแมวที่ดี ผู้ใดได้ครอบครองจะร่ำรวย และจะความสุข สุขภาพดี การงานรุ่งเรื่อง ดังนั้นบุคคลชั้นสูงในสมัยก่อนจึงนิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้

 ลักษณะโดยทั่วไป

              ลักษณะที่เป็นข้อเด่น 


ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมี                               น้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป


ลักษณะของส่วนหัว : ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา : แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุด
                             ปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

              ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.มาเลศ


ภาพแมวมาเลศจากสมุดข่อยโบราณ


วิลามาเลศพื้น                   พรรณกาย
ขนดังดอกเลาราย                    เรียบร้อย
โคนขนเมฆมอปลาย         ปลอมเสวตร
ตาดั่งน้ำค้างย้อย            หยาดต้องสัตบง

                    แมวโคราช หรือ แมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียก แมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่น ๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก
ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด
                   แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐออริกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2502 ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมริแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก
ปัจจุบันได้มีการผลักดันให้แมวโคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ในปี พ.ศ. 2552

   ลักษณะโดยทั่วไป

           ลักษณะที่เป็นข้อเด่น 


ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย


ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

           ลักษณะที่เป็นข้อด้อย 

ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

4.แมวโกนจา

ภาพแมวโกนจาจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงแมวโกนจา 

กายดำคอสุดท้อง             ขาขนเลเอียดเฮย
ตาดั่งศรีบวบกล                              ดอกแย้ม
โกนจาพนนิพนธ์                   นามกล่าว ไว้นา
ปากแลหางเรียวแฉล้ม           ทอดเท้าคือสิงห์


                โกนจา หรือ โกญจา (แปลว่า นกกระเรียน หรือ เสียงช้างร้อง) แมวชนิดนี้เป็นแมวสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ขนสั้น ไม่มีสีอื่นใดปะปนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดนุ่มและเรียบตรงทั้งลำตัว ส่วนหัวกลมแต่ไม่โต มีปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยตาเป็นสีเหลืองอมเขียวหรือทองอ่อน อาจเปรียบได้กับดอกบวบแรกแย้มหรือทองดอกบวบ รูปร่างสะโอดสะองคล่องแคล่ว หางยาว ปลายหางแหลมตรง อุ้งเท้าทอดคล้ายเท้าสิงห์ มีความสง่างามขณะเคลื่อนไหว
แมวสายพันธุ์โกนจา มีลักษณะคล้ายกับแมวสายพันธุ์ต่างชาติอีกสายพันธุ์หนึ่ง คือ บอมเบย์

       ลักษณะโดยทั่วไป

       ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

ลักษณะสีขน: ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว

ลักษณะของส่วนหัว: รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา: นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง: หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง                               ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

     ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

5.นิลรัตน์

ภาพแมวนิลรัตน์จากสมุดข่อยโบราณ 


บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์

สมยานามชาติเชื้อ                             นิลรัตน์
กายดำสิทธิสามรรถ                        เลิศพร้อม
ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต                      นิลคู่ กายนา
หางสุดเรียวยาวน้อม         นอบโน้มเสมอเศียร


                         แมวนิลรัตน์ เป็นแมวมีสีดำสนิททั้งตัว ขนเป็นมันแวววาว นอกจากนั้น เล็บ ลิ้น ฟัน                        และนัยน์ตา ยังเป็นสีดำอีกด้วย หางเรียวยาว ตวัดได้ถึงศีรษะ ค่อนข้างหายาก
                   หากใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเพิ่มพูน


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

6.วิลาศ

ภาพแมววิลาศจากสมุดข่อยโบราณ 

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิลาศ

ราวคอทับถงาดท้อง                                        สองหู
ขาวตลอดหางดู                                           ดอกฝ้าย
มีเสวตรสี่บาทตรู                           สองเนตร์ เขียวแฮ
งามวิลาศงามคล้ายโภคพื้น                             กายดำ



                       แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง 2 ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก                       ปลายเท้าทั้ง 4 และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม                     รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

7.เก้าแต้ม

ภาพแมวเก้าแต้มจากสมุดข่อยโบราณ


บทกวีที่กล่าวถึงแมวเก้าแต้ม

สลับดวงคอโสตรัตต้น                            ขาหลัง
สองไหล่กำหนดทั้ง                               บาทหน้า
มีโลมดำบดบัง                       ปลายบาท สองแฮ
เก้าแห่งดำดุจม้า                         ผ่าพื้นขาวเสมอ

                  แมวเก้าแต้ม เป็นแมวสีขาว มีสีดำแต้มสีดำรวมเก้าแห่ง คือ บริเวณหัว คอ โคนขาหน้าและโคนขาหลังหลังทั้ง 4 ข้าง ไหล่ทั้ง 2 ข้าง และโคนหาง ลักษณะแต้มสีดำนี้จะเป็นวงกลมหรือปื้นเหลี่ยมก็ได้ ปลายหางเรียวยาว สีขาว ใครได้แมวเก้าแต้มไว้เลี้ยงดูก็จะทำให้การค้าขายรุ่งเรือง ร่ำรวย คนไทยโบราณมักเลี้ยงไว้ในพระราชสำนัก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

8.รัตนกำพล
ภาพแมวรัตนกำพลจากสมุดข่อยโบราณ


บทกวีที่กล่าวถึงแมวรัตนกำพล 

สมยากาเยศย้อม                        สีสังข์
ชื่อรัตนกำพลหวัง                         ว่าไว้
ดำรัดรอบกายจัง           หวัดอก หลังนา
ตาดั่งเนื้อทองได้           หกน้ำเนียรแสง


                           แมวรัตนกำพล มีขนสีขาวดั่งหอยสังข์ยกเว้นบริเวณลำตัวมีสีดำคาดไว้ นัยน์ตาสีทองตามความเชื่อ ถ้าใครเลี้ยงไว้จะมียศถาบรรดาศักดิ์ และมีอำนาจบารมี  ผู้อื่นจะยำเกรง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

9.นิลจักร


ภาพแมวนิลจักรจากสมุดข่อยโบราณ



บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลจักร

นิลจักรบอกชื่อช้อย                      ลักษณา
กายดุจกลปีกกา                           เทียบแท้
เสวตรจอบรัดกรรฐา                         โดยที่
เนาประเทศได้แม้                ดั่งนี้ควรถนอม

                        นิลจักร เป็นแมวสีดำอีกชนิดหนึ่ง บริเวณลำคอมีขนขาวเป็นวง เหมือนมีจักรหรือพวง              มาลัยคล้องคอ ใครเลี้ยงไว้ จะมากด้วยทรัพย์สินเงินทอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

10.มุลิลา


ภาพแมวมุลิลาจากสมุดข่อยโบราณ



บทกวีที่กล่าวถึงมุลิลา

มุลิลาปรากฏแจ้ง                                      นามสมาน
ใบโสตสองเสวตรปาน                                       ปักล้วน
ศรีตาผกาบาน                              เบญจมาศ เหลืองนา
หางสุดโลมดำถ้วน                            บาทพื้นกายเศียร


                            แมวมุลิลา  เป็นแมวขนสีดำ ขนเรียบเป็นมัน แต่บริเวณสองหูเป็นสีขาว นัยน์ตาสีเหลืองราวกลีบดอกเบญจมาศ แมวชนิดนี้ ตำราว่าให้เลี้ยงได้เฉพาะพระสงฆ์ ไม่ควรเลี้ยงตามบ้าน
เหตุผลนั้นคงเป็นเพราะบทกวีที่ว่า หนึ่งด่างสองหูโดยหมาย ตำราท่านทาย ว่าควรจะเลี้ยงแต่สงฆ์ เล่าเรียนสิ่งใดมั่นคง มิได้ลืมหลงสำเร็จดังความปรารถนา
ตำราท่านว่าไว้ เจ้าแมวชนิดนี้ พระสงฆ์ควรจะเลี้ยง ช่วยให้มีจิตใจตั้งมั่นในการเล่าเรียนไม่ออกนอกลู่นอกทาง เล่าเรียนสำเร็จตามปรารถนา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

11.กรอบแว่น

ภาพแมวกรอบแว่นจากสมุดข่อยโบราณ 


บทกวีที่กล่าวถึงกรอบแว่น


นามกรอบแว่นพื้น                     เสวตรผา
ขนดำเวียนวงตา                        เฉกย้อม
เหนือหลังดั่งอานอา          ชาชาติ
งามดั่งวงหมึกพร้อม อยู่           ด้าว  ใดแสวง


                            กรอบแว่น หรือ อานม้า เป็นแมวมีขนสีขาวทั้งตัว ยกเว้นกลางหลังนั้นจะ
มีสีดำเหมือน  อานม้าอยู่ และบริเวณขอบตาทั้งสองข้างเป็นสีดำ เหมือนกรอบแว่นตา
ใครเลี้ยงไว้จะมีค่า   มหาศาล และทำให้มีเกียรติยศชื่อเสียง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

12.ปัดเสวตร

ภาพแมวปัดเสวตรจากสมุดข่อยโบราณ



บทกวีที่กล่าวถึงปัดเสวตร

ปัศเวตลักษณนั้น                   ปลายนา ษาฤๅ
ขาวตลอกหางหา                          ยากพร้อม
รลุมเฉกสลับ                    กายเฟพ    เดียวแฮ
ตาดั่งคำซายล้อม            บุศน้ำพลอยเหลือง



                      แมวปัดเสวตร (อ่านว่า แมว-ปัด-สะ-เวด) หรือ ปัดตลอด แมวชนิดนี้มีขนสีดำเป็นมันราบเรียบ ยกเว้นปลายจมูกจนถึงปลายหางมีขาว ดวงตามีสีเหลืองดั่งพลอยสะท้อนแสง ใครเลี้ยงไว้จะช่วยชูชื่อเสียงวงศ์ตระกูลให้เป็นที่รู้จักทั่วไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

13.กระจอก

ภาพแมวกระจอกจากสมุดข่อยโบราณ




บทกวีที่กล่าวถึงกระจอก

มีนามกระจอกนั้น                  ตัวกลม    งามนา
กายดำศรีสรรพสม                              สอดพ้น
ขนขาวเฉกเมฆลม                  ลอยรอบ ปากแฮ
ตาประสมศรีชื้น                   เปรียบน้ำ รงผสาน
        

            กระจอก เป็นแมวดำลักษณะคล้ายแมวสิงหเสพย์แต่ลำตัวอ้วนกลมน่ารักกว่า ขนดำเป็นมัน    มีสีขาวที่รอบปากเท่านั้นส่วนอื่นๆ คล้ายกัน นัยน์ตาสีเหลือง ใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นไพร่จะได้กลายเป็นนาย

           ลักษณะทั่วไป

ลักษณะสีขน: ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาว รอบจมูก

ลักษณะของส่วนหัว: รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา: นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง: หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง                                 ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

14.สิงหเสพย์

ภาพแมวสิงหเสพย์จากสมุดข่อยโบราณ


บทกวีที่กล่าวถึงสิงหเสพย์

เสนาะโสงหเสพยชื่อเชื้อ                        ดำกาย
ขาวที่ริมปากราย รอบล้อม
เวียนเถลิงสอสังข์ปลาย ณาษิก อยู่แฮ
ตาดั่งศรีรงย้อม หยาดน้ำจางแสง


                    แมวสิงหเสพย์ หรือ แมวโสงหเสพย์ แมวชนิดนี้มีขนสีดำทั้งตัว แต่มีสีขาวอยู่บริเวณริมฝีปาก จมูกและรอบคอ นัยน์ตาสีเหลืองทอง ใครเลี้ยงไว้จะทำให้มีสมบัติเพิ่ม


              ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

ลักษณะสีขน: ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาวรอบจมูก และที่คอ

ลักษณะของส่วนหัว: รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา: นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง: หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง                                 ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

15.การเวก

ภาพแมวการเวกจากสมุดข่อยโบราณ


บทกวีที่กล่าวถึงการเวก

มีนามการเวกพื้น                                กายดำ
ศรีศรลักษณนำ                                        แนะไว้
สองเนตรเลื่อมแสงคำ                            คือมาศ
ด่างที่ณาษาไซร้                 เสวตรล้วนรอบเสมอ


                  แมวการเวก เป็นแมวดำอีกชนิดหนึ่ง แต่ไม่ดำหมดทั้งตัว จะมีแต่ปลายจมูกที่มีแต้มสีขาวเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสองข้างสีเหลืองอำพันสดใส ถ้าได้เลี้ยงจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเปลี่ยนฐานะขึ้นไปเรื่อยๆ 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

16.จตุบท

ภาพแมวจตุบทจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงจตุบท 

จตุบทหมดเฟศน้อม                     นามแสดง ไว้นา
โลมสกลกายแสง                                      หมึกล้าย
สี่บาทพิศเล่ห์แลง                                  ลายเสวตร
ตาเลื่อมศรีเหลืองคล้าย              ดอกแย้มนาโสรน


                                  แมวจตุบท เป็นแมวสีดำ นอกจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงข้อพับทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว นัยน์ตาเป็นสีเหลืองคล้ายดอกโสน ตำราว่าแมวชนิดนี้คนธรรมดาไม่ควรเลี้ยง ควรเลี้ยงเฉพาะราชนิกูล หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

17.แซมเสวตร


ภาพแมวแซมเสวตรจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงแซมเสวตร

ขนดำแซมเสวตรสิ้น                         สรรพภางค์
ขนคู่โลมกายบาง                                 แบบน้อย
ทรงระเบียบสำอาง                    เรียวรุนห์ งามนา
ตาดั่งแสงหิ่งห้อย                     เปรียบน้ำทองทา


              แมวแซมเสวตร แปลว่า "แซมสีขาว"เป็นแมวชนิดนี้มีขนสีดำ แซมด้วยสีขาวไปทั้งตัว แต่ขนบางและค่อนข้างสั้น รูปร่างบางเพรียว ตามีสีเขียวเหมือนแสงหิ่งห้อย เดิมทีเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้พบอีกครั้ง คลิก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

แมวให้โทษอีก 6 ชนิด  ได้แก่

1.ทุพลเพศ

ภาพแมวทุพลเพศจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงทุพลเพศ

ตัวขาวตาเล่ห์ย้อม                              ชานสกา
หนึ่งดั่งโลหิตทา                                    เนตรไว้
ปลอมลักคาบมัศยา                     ทุกค่ำ คืนแฮ
ชื่อทุพลเพศให้                  โทษร้อนแรงผลาญ



                        แมวทุพลเพศ เป็นแมวร้ายชนิดหนึ่ง มีสีขาวหม่น หางขอด หรือม้วน นัยน์ตาสีแดงเหมือนเลือด ชอบขโมยปลากินในตอนกลางคืน ใครเลี้ยงไว้จะเกิดความเดือดร้อนเป็นประจำ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.พรรณพยัคฆ์

ภาพแมวพรรณพยัคฆ์จากสมุดข่อยโบราณ


บทกวีที่กล่าวถึงพรรณพยัคฆ์

มีพรรณพยัฆเพศพื้น                          ลายเสือ
ขนดั่งชุบครำเกลือ                        แกลบกล้อง
สีตาโสตรแสงเจือ                   เจิมเปือก ตาแฮ
เสียงดั่งผีโป่งร้อง                เรียกแคว้นพงไสล



                  แมวพรรณพยัคฆ์ หรือ แมวลายเสือ มีลักษณะคล้ายเสือ มีขนสีมะกอกเขียว หรือมะกอกแดง หยาบกระด้าง นันย์ตาสีแดงดั่งสีเลือด เสียงร้องโหยหวนเหมือนเสียงผีโป่งร้องตามป่าเขา ชอบหลบซ่อนตามที่มืดในเวลากลางวัน ไม่ควรนำมาเลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.ปีศาจ

ภาพแมวปีศาจจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงปีศาจ

ปิศาจจำพวกนี้                     อาจินต โทษนา
เกิดลูกออกกิน                                    ไป่เว้น
หางขดดั่งงูดิน                                ยอบขนด
ขนสยากรายเส้น                  ซูบเนื้อยานหนัง



                      แมวปีศาจ โบราณถือว่าสัตว์เลี้ยงเพศเมีย ถ้าคลอดลูกออกมาแล้วกินลูกตัวเอง ไม่ว่าสุนัขหรือแมวห้ามเลี้ยงเด็ดขาด แมวชนิดนี้มีรูปร่างเหมือนผีร้าย ตัวผอม หนังเหี่ยวยาน หางขอดนันย์ตาสีแดงเลือด ชอบหลบตามที่มืด กลางวันเซื่องซึม กลางคืนกลับว่องไวปานผีร้าย

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

4.หิณโทษ

ภาพแมวหิณโทษจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงหิณโทษ

หิณโทษโหจชาติเชื้อ                        ลักษณา
เกิดลูกตายออกมา                              แต่ท้อง
สันดานเพศกายปรา                  กฎโทษ อยู่แฮ
ไภยพิบัติพาลต้อง                      สิ่งร้ายมาสถาน


                             แมวหิณโทษ แมวเพศเมียอีกชนิดที่ไม่ควรเลี้ยง แม้ว่าจะมีลักษณะดี ขนสวยงาม เข้ากับเจ้าของได้ดี แต่มีข้อเสียคือ ยามตั้งท้องครั้งใด ลูกแมวมักจะตายในท้องเสมอ ใครเลี้ยงไว้จะนำภัยพิบัติมาสู่บ้าน


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

5.เหน็บเสนียด

ภาพแมวเหน็บเสนียดจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงเหน็บเสนียด

เหน็บเสนียดโทษร้าย                         เริงเข็ญ
ด่างที่ทุยหางเห็น                               โหดร้าย
ทรงรูปพิกลเบญ                                    จาเพศ
แมวดั่งนี้อย่าไว้                         ถิ่นบ้านเสียศรี



                 แมวเหน็บเสนียด เป็นแมวที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด โคนหางเป็นสีด่าง เวลานั่งมักเอาหางซ่อนไว้ใต้ก้นเหมือนค่างในป่า มีนิสัยโหดร้าย เที่ยวไล่กัดแมวตัวอื่นอยู่เสมอ ถ้านำมาเลี้ยงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

6.กอบเพลิง

ภาพแมวกอบเพลิงจากสมุดข่อยโบราณ

บทกวีที่กล่าวถึงกอบเพลิง

มักนอนยุ้งอยู่ซุ้ม                      ขนกาย อยู่นา
เห็นแต่คนเดินชาย                             วิ่งคล้าย
กอบเพลิงกำหนดหมาย  นามบอก ไว้เอย
ทรลักษณชาติค่างร้าย โทษแท้พลันถึง

                          แมวกอบเพลิง เป็นแมวที่ชอบอยู่ตามลำพังตามยุ้งข้าว ตามป่า ไม่ค่อยจะพบคน เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอมันเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี
ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

แมวที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์

แมวขาวมณี


             แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน 
เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่
เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่ง
ในสมัยรัชกาลที่ 5 แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่
เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อน
ได้เป็นอย่างดี   
             ลักษณะเด่นของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม 
รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยม
คล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อย
นัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี 
อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง 
ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย 
เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย 
ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี

        จุดด้อยอีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ (อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นกลับนิยมแมวขาวมณีที่มีตาคนละสีมากกว่าตาสีเดียว) เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น


          แมวขาวมณี ได้เข้าสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยเจเน็ท โฮลเซ่น หญิงชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้มีตาสองสีและมีผมสีอ่อน เพื่อเป็นของขวัญแก่ลูกสาวบุตรธรรมชาวไทย ที่ก็เป็นผู้พิการทางหู ปัจจุบันก็มีผู้เพาะพันธุ์รายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้นในสหรัฐอเมริกา

1 ความคิดเห็น:

  1. เห็นแล้วจินตนาการไม่ออกจริงๆว่าเคยมีสายพันธุ์แมวไทยบางชนิดหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าสมัยก่อนไม่เกิดสงคราม พวกมันอาจจะยังคงอยู่

    ตอบลบ